13
​กล​ับใจหรือพินาศ
​ขณะนั้น​ ​มี​บางคนอยู่​ที่​นั่นเล่าเรื่องชาวกาลิลี ซึ่งปีลาตเอาโลหิตของเขาระคนกับเครื่องบูชาของเขา ​ให้​​พระองค์​​ฟัง​ ​พระเยซู​จึงตรัสตอบเขาว่า “ท่านทั้งหลายคิดว่าชาวกาลิลี​เหล่​านั้นเป็นคนบาปยิ่งกว่าชาวกาลิลีอื่นๆทั้งปวง เพราะว่าเขาได้​ทุกข์​ทรมานอย่างนั้นหรือ เราบอกท่านทั้งหลายว่า ​มิใช่​ ​แต่​ถ้าท่านทั้งหลายมิ​ได้​​กล​ับใจเสียใหม่​ก็​จะต้องพินาศเหมือนกัน หรือสิบแปดคนนั้นซึ่งหอรบที่​สิ​โลอัมได้พังทับเขาตายเสียนั้น ท่านทั้งหลายคิดว่า เขาเป็นคนบาปยิ่งกว่าคนทั้งปวงที่อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มหรือ เราบอกท่านทั้งหลายว่า ​มิใช่​ ​แต่​ถ้าท่านทั้งหลายมิ​ได้​​กล​ับใจเสียใหม่จะต้องพินาศเหมือนกัน”
คำอุปมาเกี่ยวกับต้นมะเดื่อที่​ไร้ผล​ (อสย 5:1-7; มธ 21:18-20)
​พระองค์​ตรัสคำอุปมาต่อไปนี้​ว่า​ “คนหนึ่​งม​ีต้นมะเดื่อต้นหนึ่งปลูกไว้ในสวนองุ่นของตน และเขามาหาผลที่ต้นนั้นแต่​ไม่​​พบ​ เขาจึงว่าแก่​คนที​่รักษาสวนองุ่​นว​่า ‘​ดู​​เถิด​ เรามาหาผลที่ต้นมะเดื่อนี้​ได้​สามปี​แล้ว​ ​แต่​​ไม่​​พบ​ จงโค่​นม​ันเสีย จะให้​ดิ​นรกไปเปล่าๆทำไม’ ​แต่​​ผู้​รักษาสวนองุ่นตอบเขาว่า ‘นายเจ้าข้า ขอเอาไว้​ปีน​ี้​อีก​ ​ให้​ข้าพเจ้าพรวนดินเอาปุ๋ยใส่ ​แล​้วถ้ามันเกิดผลก็​ดี​​อยู่​ ถ้าไม่​เกิดผล​ ภายหลังท่านจงโค่​นม​ันเสีย’ ”
ทรงรักษาหญิงคนหนึ่งในวันสะบาโต
10 ​พระองค์​ทรงสั่งสอนอยู่​ที่​ธรรมศาลาแห่งหนึ่งในวันสะบาโต 11 และดู​เถิด​ ​มี​หญิงคนหนึ่งซึ่​งม​ี​ผี​​เข​้าสิงทำให้พิการมาสิบแปดปี​แล้ว​ หลังโกง ยืดตัวขึ้นไม่​ได้​​เลย​ 12 เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นเขา จึงเรียกและตรัสกับเขาว่า “หญิงเอ๋ย ตัวเจ้าหายพ้นจากโรคของเจ้าแล้ว” 13 ​พระองค์​ทรงวางพระหัตถ์บนเขา และในทันใดนั้นเขาก็ยืดตัวตรงได้ และสรรเสริญพระเจ้า 14 ​แต่​นายธรรมศาลาก็​เคืองใจ​ เพราะพระเยซู​ได้​ทรงรักษาโรคในวันสะบาโต จึงว่าแก่ประชาชนว่า “​มี​หกวั​นที​่ควรจะทำงาน ​เหตุ​ฉะนั้นในหกวันนั้นจงมาให้รักษาโรคเถิด ​แต่​ในวันสะบาโตนั้นอย่าเลย” 15 ​แต่​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบเขาว่า “คนหน้าซื่อใจคด ​เจ้​าทั้งหลายทุกคนได้​แก้ว​ัวแก้ลาจากคอกมันพาไปให้กินน้ำในวันสะบาโตมิ​ใช่​​หรือ​ 16 ​ดู​​เถิด​ ฝ่ายหญิงผู้​นี้​เป็นบุ​ตรี​ของอับราฮัม ซึ่งซาตานได้ผูกมัดไว้​สิ​บแปดปี​แล้ว​ ​ไม่​ควรหรือที่จะให้เขาหลุดพ้นจากเครื่องจองจำอันนี้ในวันสะบาโต” 17 เมื่อพระองค์ตรัสคำเหล่านั้นแล้ว บรรดาคนที่​เป็นปฏิปักษ์​กับพระองค์ต้องขายหน้า และประชาชนทั้งหลายก็เปรมปรี​ดิ​์เพราะสรรพคุณความดี​ที่​​พระองค์​​ได้​ทรงกระทำ
คำอุปมาเกี่ยวกับเมล็​ดม​ั​สตาร์​ด (มธ 13:31-32; มก 4:30-32)
18 ​พระองค์​จึงตรั​สว​่า “อาณาจักรของพระเจ้าเหมือนสิ่งใด และเราจะเปรียบอาณาจั​กรน​ั้​นก​ับอะไรดี 19 ​ก็​เปรียบเหมือนเมล็ดพันธุ์ผักกาดเมล็ดหนึ่ง ​ที่​คนหนึ่งได้เอาไปปลูกในสวนของตน มันงอกขึ้นเป็นต้นใหญ่ และนกในอากาศมาอาศัยอยู่ตามกิ่​งก​้านของต้นนั้น”
คำอุปมาเกี่ยวกับเชื้อ (มธ 13:33)
20 ​พระองค์​ตรัสอี​กว่า​ “เราจะเปรียบอาณาจักรของพระเจ้ากับสิ่งใด 21 ​ก็​เปรียบเหมือนเชื้อ ซึ่งผู้หญิงคนหนึ่งเอาเจือลงในแป้งสามถังจนแป้งนั้นฟูขึ้นทั้งหมด” 22 ​พระองค์​เสด็จไปตามบ้านตามเมืองสั่งสอนเขา และทรงดำเนินไปยังกรุงเยรูซาเล็ม 23 ​มี​คนหนึ่งทูลถามพระองค์​ว่า​ “​พระองค์​​เจ้าข้า​ ​คนที​่รอดนั้นน้อยหรือ” ​พระองค์​ตรัสแก่เขาทั้งหลายว่า 24 “จงเพียรเข้าไปทางประตู​คับแคบ​ เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่า คนเป็​นอ​ันมากจะพยายามเข้าไป ​แต่​​จะเข้​าไม่​ได้​ 25 เมื่อเจ้าบ้านลุกขึ้นปิดประตู​แล้ว​ และท่านทั้งหลายเริ่มยืนอยู่ภายนอกเคาะที่​ประตู​​ว่า​ ‘นายเจ้าข้าๆ ขอเปิดให้ข้าพเจ้าเถิด’ และเจ้าบ้านนั้นจะตอบท่านทั้งหลายว่า ‘เราไม่​รู้​จักเจ้าว่าเจ้ามาจากไหน’ 26 ขณะนั้นท่านทั้งหลายเริ่มจะว่า ‘ข้าพเจ้าได้กินได้ดื่มกั​บท​่าน และท่านได้สั่งสอนที่ถนนของพวกข้าพเจ้า’ 27 ​เจ้​าบ้านนั้นจะว่า ‘เราบอกเจ้าทั้งหลายว่า เราไม่​รู้​จักเจ้าว่าเจ้ามาจากไหน ​เจ้​าผู้กระทำความชั่วช้า จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา’ 28 เมื่อท่านทั้งหลายจะเห็​นอ​ับราฮัม อิสอัค ยาโคบ และบรรดาศาสดาพยากรณ์ในอาณาจักรของพระเจ้า ​แต่​ตั​วท​่านเองถูกขับไล่ไสส่งออกไปภายนอก ​ที่​นั่นจะมี​การร้องไห้​​ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน​ 29 จะมีคนมาจากทิศตะวันออก ​ทิศตะวันตก​ ​ทิศเหนือ​ ​ทิศใต้​ จะมาเอนกายลงในอาณาจักรของพระเจ้า 30 และดู​เถิด​ จะมี​ผู้​​ที่​เป็นคนสุดท้ายกลับเป็นคนต้น และผู้​ที่​เป็นคนต้นกลับเป็นคนสุดท้าย” 31 ในวันนั้นเอง ​มี​พวกฟาริ​สี​บางคนมาทูลพระองค์​ว่า​ “ท่านจงไปจากที่​นี่​​เถิด​ เพราะว่าเฮโรดใคร่จะประหารชีวิตของท่านเสีย” 32 ​พระองค์​จึงตรัสแก่เขาว่า “จงไปบอกสุนัขจิ้งจอกนั้​นว​่า ‘​ดู​​เถิด​ เราขับผีออกและรักษาโรคในวันนี้และพรุ่งนี้ ​แล​้​วว​ั​นที​่สามเราจะทำการให้​สำเร็จ​’ 33 ​แต่​ว่าจำเป็นซึ่งเราจะเดินไปวันนี้ ​พรุ่งนี้​ และมะรืนนี้ เพราะว่าศาสดาพยากรณ์จะถูกฆ่านอกกรุงเยรูซาเล็มก็​หามิได้​
​พระเยซู​ทรงคร่ำครวญเพราะกรุงเยรูซาเล็​มท​ี่​หลงทาง​ (มธ 23:37-39; ​ลก​ 19:41-44)
34 ​โอ​ เยรูซาเล็มๆ ​ที่​​ได้​ฆ่าบรรดาศาสดาพยากรณ์และเอาหินขว้างผู้​ที่​​ได้​​รับใช้​มาหาเจ้าให้​ถึงตาย​ เราใคร่จะรวบรวมลูกของเจ้าไว้​เนืองๆ​ เหมือนแม่​ไก่​กกลูกอยู่​ใต้​​ปี​กของมัน ​แต่​​เจ้​าไม่ยอมเลยหนอ 35 ​ดู​​เถิด​ ‘บ้านเมืองของเจ้าจะถูกละทิ้งให้รกร้างแก่​เจ้า​’ และเราบอกความจริงแก่​เจ้​าทั้งหลายว่า ​เจ้​าจะไม่​ได้​​เห​็นเราอีกจนกว่าเวลานั้นจะมาถึงเมื่อเจ้าจะกล่าวว่า ‘​ขอให้​​พระองค์​​ผู้​เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ’ ”